Title of Article |
มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการลงโทษผู้เสพพืชเสพติด:ศึกษาเฉพาะกรณีสารสกัดจากกัญชา |
Date of Acceptance |
1 May 2023 |
Journal |
Title of Journal |
ปัญญาปณิธาน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย |
Standard |
TCI |
Institute of Journal |
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย |
ISBN/ISSN |
2672-9679 |
Volume |
8 |
Issue |
2 |
Month |
กรกฎา-ธันวาคม |
Year of Publication |
2023 |
Page |
- |
Abstract |
บทความวิจัยนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวคิดทฤษฎีเกี่ยวข้องกับกฎหมายพืชเสพติดโดยศึกษาเกี่ยวกับพืชกัญชา ศึกษามาตรการทางกฎหมายที่ควบคุมการใช้สารสกัดจากกัญชาของไทย รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยศึกษาเชิงเอกสาร
ผลการศึกษาพบว่ามาตรการทางกฎหมายประเทศไทยตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2564 มาตรา 29 (5) ได้ถอดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 หากผู้ใดเสพ บริโภคหรือครอบครองพืชกัญชาไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา ยกเว้นสารสกัดจากกัญชาที่มีปริมาณสารเตตระไฮโดรแคนนาบินอลสูงกว่า 0.2% ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 ผู้เสพยาเสพติดให้โทษประเภทนี้ มีความรับผิดทางอาญาโดยต้องโทษจำคุกและโทษปรับ เมื่อพิจารณาถึงลักษณะความผิดและความเป็นอันตรายแล้ว การเสพยาเสพติดเป็นความผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับยาเสพติด สารสกัดจากกัญชาไม่ได้รับการยืนยันว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาชญากรรม ทั้งยังมีความเป็นอันตรายน้อยกว่าบุหรี่(ยาสูบ)แอลกอฮอล์หรือยาเสพติดชนิดอื่น ด้านพันธะอนุสัญญาว่าด้วยยาเสพติดแห่งสหประชาชาติไม่มีบทบัญญัติใดบังคับให้รัฐภาคีใช้โทษทางอาญากับความผิดเล็กน้อยเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถใช้มาตรการอื่นลงโทษกับผู้เสพแทนได้ ทั้งนี้โทษทางอาญาควรมีไว้สำหรับความผิดที่ร้ายแรงเท่านั้น และการยกเลิกโทษทางอาญาสำหรับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเสพสารสกัดจากกัญชาพบว่าไม่ขัดต่อพันธะอนุสัญญาแต่อย่างใด ผู้เขียนขอเสนอให้เปลี่ยนจากความผิดทางอาญาเป็นความผิดทางพินัยที่รับโทษปรับเป็นพินัยแทน |
Keyword |
สารสกัดจากกัญชา, ความผิดทางพินัย, โทษปรับเป็นพินัย |
Author |
|
Reviewing Status |
มีผู้ประเมินอิสระ |
Status |
ได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ |
Level of Publication |
ชาติ |
citation |
false |
Part of thesis |
true |
Attach file |
|
Citation |
0
|
|