ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
แนวทางการสร้างสรรค์ลวดลายผ้าไหมมัดหมี่จากทุนทางวัฒนธรรมชุมชนกู่กาสิงห์ |
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
8 สิงหาคม 2567 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
โครงการประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ประจำปี 2567 (FAR10) Exclusion - Inclusion in New Isan Art : Reimaging Rebranding and Reinterpreting |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
สถานที่จัดประชุม |
คณะศิลปกรรมศาสตร์ |
จังหวัด/รัฐ |
ขอนแก่น |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
8 สิงหาคม 2567 |
ถึง |
8 สิงหาคม 2567 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
10 |
Issue (เล่มที่) |
10 |
หน้าที่พิมพ์ |
327-338 |
Editors/edition/publisher |
|
บทคัดย่อ |
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกู่กาสิงห์ ต.กู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด และสร้างแนวทางการออกแบบลวดลายผ้าไหมมัดหมี่จากการศึกษาทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกู่กาสิงห์ ต.กู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ ซึ่งรวบรวมข้อมูลที่ได้จากวรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้อมูลที่ได้จากกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างสำหรับกลุ่มผู้ปฏิบัติและผู้เกี่ยวข้องในการให้องค์ความรู้ด้านทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกู่กาสิงห์ แบบสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้างสำหรับกลุ่มผู้รู้จำนวน 3 คน ในการให้องค์ความด้านทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกู่กาสิงห์และการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการออกแบบสิ่งทอ ซึ่งผลการวิจัยพบว่าในชุมชนกู่กาสิงห์ ต.กู่กาสิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด มีทุนทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้และจับต้องได้เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีสรงกู่ พิธีกรรมการปลูกข้าว งานบุญฮีตสิบสองคองสิบสี่ของชาวอีสาน วรรณกรรมต่างๆ จากการวิเคราะห์ข้อมูลแล้วพบว่าเอกลักษณ์ของชุมชนที่เป็นจุดโดดเด่นประกอบด้วย 3 เรื่อง เรื่องแรกความเชื่อและศรัทธาของคนในชุมชนต่อโบราณสถาน และรูปแบบสถาปัตยกรรมกู่กาสิงห์ รวมถึงผ้าไหมทอมือที่มีลวดลายเอกลักษณ์ของชุมชนอย่างลายเต่าทอง ซึ่งมีความหมายอันเป็นมงคลในการสร้างลวดลายของทางกลุ่ม และพิธีกรรมการปลูกข้าวของคนในชุมชนที่เป็นความเชื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำนาของคนในชุมชนที่ได้ขึ้นชื่อเป็นศูนย์กลางแห่งผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีชื่อของประเทศ จึงสามารถสรุปเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ที่สื่อถึงทุนทางวัฒนธรรมในชุมชนกู่กาสิงห์ได้คือ “สมบูรณ์อุดมศรัทธา วิถีกู่กาสิงห์” โดยออกแบบทั้งหมด เป็น3 ลวดลาย ที่มีลวดลายสื่อถึงอุดมการณ์ความศรัทธาต่อความเชื่อในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในการดำเนินชีวิตให้มีความเป็นอยู่ดีมีสุขของคนในชุมชนกู่กาสิงห์ ผ่านองค์ประกอบศิลป์และโทนสีธรรมชาติน้ำตาล เขียว เหลือง และได้ผ่านการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิด้านการออกแบบสิ่งทอทั้งหมด 3 ท่าน โดยมีความคิดเห็นว่าลวดลายสื่อถึงทุนทางวัฒนธรรมของชุมชนกู่กาสิงห์มีการถอดเส้น สีและรูปร่างมาใช้ในการออกแบบ ลวดลายมีความความสวยงามมีความร่วมสมัย เป็นลวดลายผ้าไหมมัดหมี่ที่สามารถสะท้อนถึงความศรัทธาความอุดมสมบูรณ์ที่เป็นการเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับผ้าไหมมัดหมี่ของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านกู่กาสิงห์ ผ้าไหมงามกู่กาสิงห์สามารถนำไปต่อยอด เป็นผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยในอนาคตได้ |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Poster |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|