ชื่อบทความ |
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายTHE DEVELOPMENT OF BLENDED ENGLISH LEARNING INSTRUCTIONAL MODEL ENHANCING ENGLISH LISTENING AND SPEAKING ABILITIES FOR UPPER SECONDARY STUDENTS |
วัน/เดือน/ปี ที่ได้ตอบรับ |
16 กันยายน 2562 |
วารสาร |
ชื่อวารสาร |
วารสารวิจัยและพัฒนาระบบสุขภาพ |
มาตรฐานของวารสาร |
TCI |
หน่วยงานเจ้าของวารสาร |
กลุ่มงานพัฒนายุทธศาสตร์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ |
ISBN/ISSN |
รหัสใบรับรอง D130202 รหัสบทความ M1509622 |
ปีที่ |
13 |
ฉบับที่ |
2 |
เดือน |
พฤษภาคม - สิงหาคม |
ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ |
2563 |
หน้า |
|
บทคัดย่อ |
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษาสภาพปัญหาและสภาพที่คาดหวังในการจัดการเรียนการสอนการฟังและการพูดภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยใช้แบบสอบถามสำรวจความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 และดำเนินการสนทนากลุ่มครูผู้สอนภาษาอังกฤษและผู้ปกครองนักเรียน ระยะที่ 2 การร่างและหาคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย โดยการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) และระยะที่ 3 การศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษแบบผสมผสานเพื่อส่งเสริมความสามารถในการฟังและการพูดภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ด้วยการวิจัยเชิงทดลองขั้นต้น(Pre-Experimental Research Design) แบบกลุ่มเดียววัดผลหลังเรียน (One-Shot Case Study) ทำการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ
ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัญหาและสภาพที่คาดหวังในการจัดการเรียนการสอนการฟังและการพูดภาษาอังกฤษมีปัญหาในด้านหลักสูตร โดยการนำหลักสูตรไปใช้ไม่ตรงกับเป้าหมายของหลักสูตรที่ตั้งไว้ และด้านการจัดการเรียนการสอนพบปัญหาเรื่องเวลาในการเรียนไม่เพียงพอต่อการฝึกฝนทักษะด้านภาษา เนื้อหาไกลตัวผู้เรียน ควรมีการนำสื่อและเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ และมีการจุดประกายผู้เรียนด้วยกิจกรรมหรือเกมที่สนุกสนาน เพื่อการสร้างเจตคติที่ดีต่อการเรียน การออกแบบการจัดการเรียนการสอนที่มีความทันสมัยเหมาะกับวัยผู้เรียนและสอดคล้องกับการวัดประเมินผลเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของหลักสูตรได้เป็นอย่างดี 2) รูปแบบการเรียนการสอนประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ คือ (1) หลักการ (2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ (3) เนื้อหาสาระ (4) ขั้นตอนการเรียนรู้ (5) การวัดและประเมินผล (6) ระบบสังคม (7) สิ่งสนับสนุน และ (8) การนำไปใช้ โดยมีขั้นตอนการเรียนทั้งหมด 5 ขั้น ได้แก่ (1) จุดประกาย (2) สร้างความรู้ (3) เรียนรู้ด้วยตนเอง (4) ปฏิบัติการทางภาษา และ (5) สรุปและสะท้อนผลการเรียนรู้ ผลการหาคุณภาพของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า เมื่อสิ้นสุดวงจรปฏิบัติการทั้ง 3 วงจร นักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการฟังภาษาอังกฤษเท่ากับ 20.11 คิดเป็นร้อยละ 80.44 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ 7 คน คิดเป็นร้อยละ 77.78 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด 9 คน และคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของเท่ากับ 24.44 คิดเป็นร้อยละ 81.48 ของคะแนนเต็ม และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ 8 คน คิดเป็นร้อยละ 88.89 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 3) ผลการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการเรียนการสอน พบว่า นักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความสามารถในการฟังภาษาอังกฤษเฉลี่ยเท่ากับ 19.48 คิดเป็นร้อยละ 77.92 และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ 18 คน คิดเป็นร้อยละ 72 ของนักเรียนทั้งหมด และนักเรียนกลุ่มตัวอย่างมีคะแนนความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษเฉลี่ยเท่ากับ 26.16 คิดเป็นร้อยละ 87.20 และมีจำนวนนักเรียนผ่านเกณฑ์ 25 คน คิดเป็นร้อยละ 100 ของนักเรียนทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ จำนวนนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของนักเรียนทั้งหมด มีคะแนนเฉลี่ยความสามารถด้านการฟังและการพูดของนักเรียนหลังสิ้นสุดการใช้รูปแบบการเรียนการสอนสูงกว่าหรือเท่ากับเกณฑ์ร้อยละ 70 ของคะแนนเต็ม |
คำสำคัญ |
การเรียนแบบผสมผสาน การฟังและการพูดภาษาอังกฤษ |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ |
มีผู้ประเมินอิสระ |
สถานภาพการเผยแพร่ |
ได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ |
วารสารมีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
citation |
มี |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|