ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
พฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันลิมโฟบลาสติกที่ได้รับเคมีบำบัด |
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
25 มีนาคม 2564 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการเสนอผลงานวิจัยระดับบัณฑิตศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 22 (ออนไลน์) |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
บัณฑิตวิทยาลัย มห่วิทยาลัยขอนแก่น |
สถานที่จัดประชุม |
ออนไลน์ |
จังหวัด/รัฐ |
ขอนแก่น |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
25 มีนาคม 2564 |
ถึง |
25 มีนาคม 2564 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
22 |
Issue (เล่มที่) |
22 |
หน้าที่พิมพ์ |
580-592 |
Editors/edition/publisher |
|
บทคัดย่อ |
การวิจัยเชิงพรรณนานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้ดูแลในการดูแลผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบลิมโฟบลาสติกที่ได้รับเคมีบำบัด ผู้เข้าร่วมการศึกษาเป็นผู้ดูแลผู้ป่วยเด็กจำนวน 87 คน โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด มีเกณฑ์การคัดเลือกเข้าสู่การศึกษาคือ1) เป็นผู้ดูแลหลักของเด็กมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป 2) ดูแลผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันลิมโฟบลาสติกที่มีอายุระหว่า 3 ถึง 12 ปี ใช้การสุ่มอย่างง่ายในการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล แบบสอบถามพฤติกรรมการดูแลผู้ป่วยเด็กป่วยของผู้ดูแลหลัก ค่าดัชนีความตรงตามเนื้อหา (Content Validity Index : CVI) เท่ากับ0.89 ค่าความเที่ยงของเนื้อหา (Reliability) ได้ค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาของครอนบาค (Cronbach’s alpha coefficient) เท่ากับ 0.90 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ความถี่ร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการวิเคราะห์ข้อมูล
ผลการวิจัยพบว่าผู้ดูแลส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (81.60%) เกี่ยวข้องกับเด็กโดยเป็นมารดาร้อยละ 59.8% อายุระหว่าง 40-49 ปี (29.90%) จบการศึกษามัธยมศึกษา (28.7%) ผู้ป่วยเด็กโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันลิมโฟบลาสติก ส่วนใหญ่อยู่วัยเรียน (อายุ6-12ปี) ร้อยละ 70. 1 เป็นเพศชายร้อยละ 57.5 กำลังเรียนชั้นประถมศึกษาร้อยละ 55.17 ระยะเวลาในการได้รับเคมีครั้งหลังสุด 1-4 สัปดาห์ ร้อยละ 52.9 ระยะของการรักษาส่วนใหญ่ได้รับการรักษาอยู่ในระยะ Maintenance ร้อยละ 77 มีร้อยละของพฤติกรรมการดูแลที่เหมาะสมสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) ให้ผู้ป่วยเด็กรักษาผิวหนังให้ชุ่มชื่นอยู่เสมอเพื่อป้องกันผิวหนังแห้งและมีรอยแตกโดยทาครีมบำรุงผิว ร้อยละ 95.4 2) ให้ผู้ป่วยเด็กใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม ในการทำความสะอาดช่องปากร้อยละ 89.7 3) ดูแลผู้ป่วยเด็กให้มีความสะอาดของเล็บมือ เล็บเท้า เช็ดให้แห้ง และตัดเล็บให้สั้นอยู่เสมอ ร้อยละ 81.6 สำหรับพฤติกรรมการดูแลของผู้ดูแลที่ไม่เหมาะสมเรียงลำดับจากจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) ไม่ได้ให้ผู้ป่วยเด็กรับประทานของเปรี้ยวๆ เช่น ไอศกรีมรสมะนาว หรือ ขนมปังกรอบ ผลไม้รสเปรี้ยวเวลารู้สึกคลื่นไส้ร้อยละ 72.4 2) ไม่ได้เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยเด็กได้พูดคุยกับเพื่อนๆ 72.4 3) ไม่ได้ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอุ่นๆในตอนเช้าก่อนอุจจาระ½ชั่วโมงเพื่อให้ผู้ป่วยเด็กขับถ่ายได้สะดวกร้อยละ 71.3 และไม่ได้ให้ผู้ป่วยเด็กอมน้ำแข็งและกลั้วในปากเมื่อผู้ป่วยมีอาการเจ็บปาก เจ็บคอ กลืนลำบากร้อยละ 70.1
|
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Poster |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ใช้สำหรับสำเร็จการศึกษา |
ไม่เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|