ชื่อบทความ |
การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการตรวจหาเชื้อพยาธิ Strongyloides stercoralis ระหว่างวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนามและการเพาะเลี้ยงเชื้อ ในห้องปฏิบัติการ |
วัน/เดือน/ปี ที่ได้ตอบรับ |
28 มีนาคม 2566 |
วารสาร |
ชื่อวารสาร |
วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
มาตรฐานของวารสาร |
TCI |
หน่วยงานเจ้าของวารสาร |
กองบรรณาธิการวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
ISBN/ISSN |
2651-1770 (Online) |
ปีที่ |
16 |
ฉบับที่ |
1 |
เดือน |
มกราคม - มีนาคม |
ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ |
2566 |
หน้า |
|
บทคัดย่อ |
บทคัดย่อ
พยาธิสตรองจิลอยด์ดิส (Strongyloides stercoralis) เป็นพยาธิที่มีการระบาดทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้นรวมทั้งประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพยาธิที่สามารถเจริญครบวงจรชีวิต ทั้งแบบวงจรชีวิตอิสระหรือแบบอาศัยโฮสต์ รวมทั้งสามารถติดเชื้อซ้ำในตัวโฮสต์เองโดยไม่ต้องผ่านวงจรชีวิตภายนอก สามารถติดต่อได้ง่ายโดยพยาธิไชเข้าสู่ผิวหนังของโฮสต์ มักมีรายงานการติดเชื้อพยาธิชนิดนี้ร่วมกันในผู้ป่วยโรคพยาธิปากขอ การตรวจวินิจฉัยพยาธิชนิดดังกล่าวนี้ให้มีความถูกต้องและแม่นยำสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการศึกษาในปี 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการตรวจหาเชื้อพยาธิ S. stercoralis ระหว่างวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนามและการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ ในการศึกษาครั้งนี้ได้นำตัวอย่างอุจจาระของผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 103 คน มาตรวจโดยทั้งสองวิธีดังกล่าว และวิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square Test) ซึ่งเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ จากผลการศึกษาครั้งนี้พบว่าวิธีเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนาม (29.13%) มีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ (17.43%) และจำนวนการเกิดของตัวอ่อนพยาธิสัมพันธ์กับจำนวนตัวอย่างอุจจาระที่ได้นำมาทดสอบอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.001) นำไปสู่การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจวินิจฉัย นอกจากนั้นได้เปรียบเทียบกับวิธีการตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้น (formalin-ethyl acetate concentration: FECT) และการตรวจวินิจฉัยโดยการใช้ตัวตรวจจับจำเพาะที่สามารถตรวจหาสาร คัดหลั่งของพยาธิในปัสสาวะโดยวิธีอีไลซ่า (urine enzyme-linked immunosorbent assays: urine-ELISA) เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการหาค่าความแม่นยำของเครื่องมือและหาค่าความชุกของเทคนิคต่าง ๆ จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ความไว (sensitivity) ของเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีอีไลซ่าสูงสุด (100%, 95%CI: 100) และวิธีการตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้นต่ำสุด (26.67%, 95%CI: 18.13-35.21) เมื่อเทียบกับวิธีการตรวจมาตรฐาน (43.33%, 95%CI: 33.76-52.90)
|
คำสำคัญ |
พยาธิสตรองจิลอยด์ดิส, วิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อ การตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้น, วิธีอีไลซ่า |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ |
มีผู้ประเมินอิสระ |
สถานภาพการเผยแพร่ |
ได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ |
วารสารมีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
citation |
ไม่มี |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|