2012 ©
             ข้อมูลการเผยแพร่ผลงาน
การเผยแพร่ในรูปของบทความวารสารทางวิชาการ
ชื่อบทความ การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการตรวจหาเชื้อพยาธิ Strongyloides stercoralis ระหว่างวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนามและการเพาะเลี้ยงเชื้อ ในห้องปฏิบัติการ 
วัน/เดือน/ปี ที่ได้ตอบรับ 28 มีนาคม 2566 
วารสาร
     ชื่อวารสาร วารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
     มาตรฐานของวารสาร TCI 
     หน่วยงานเจ้าของวารสาร กองบรรณาธิการวารสารวิจัยสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
     ISBN/ISSN 2651-1770 (Online)  
     ปีที่ 16 
     ฉบับที่
     เดือน มกราคม - มีนาคม
     ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ 2566 
     หน้า  
     บทคัดย่อ บทคัดย่อ พยาธิสตรองจิลอยด์ดิส (Strongyloides stercoralis) เป็นพยาธิที่มีการระบาดทั่วโลก โดยเฉพาะในเขตร้อนชื้นรวมทั้งประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพยาธิที่สามารถเจริญครบวงจรชีวิต ทั้งแบบวงจรชีวิตอิสระหรือแบบอาศัยโฮสต์ รวมทั้งสามารถติดเชื้อซ้ำในตัวโฮสต์เองโดยไม่ต้องผ่านวงจรชีวิตภายนอก สามารถติดต่อได้ง่ายโดยพยาธิไชเข้าสู่ผิวหนังของโฮสต์ มักมีรายงานการติดเชื้อพยาธิชนิดนี้ร่วมกันในผู้ป่วยโรคพยาธิปากขอ การตรวจวินิจฉัยพยาธิชนิดดังกล่าวนี้ให้มีความถูกต้องและแม่นยำสูงจึงเป็นสิ่งสำคัญ การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการศึกษาในปี 2562 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการตรวจหาเชื้อพยาธิ S. stercoralis ระหว่างวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนามและการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ ในการศึกษาครั้งนี้ได้นำตัวอย่างอุจจาระของผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวน 103 คน มาตรวจโดยทั้งสองวิธีดังกล่าว และวิเคราะห์ผลโดยใช้สถิติไคสแควร์ (Chi-Square Test) ซึ่งเป็นเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ จากผลการศึกษาครั้งนี้พบว่าวิธีเพาะเลี้ยงเชื้อในภาคสนาม (29.13%) มีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อในห้องปฏิบัติการ (17.43%) และจำนวนการเกิดของตัวอ่อนพยาธิสัมพันธ์กับจำนวนตัวอย่างอุจจาระที่ได้นำมาทดสอบอย่างมีนัยสำคัญ (P<0.001) นำไปสู่การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของการตรวจวินิจฉัย นอกจากนั้นได้เปรียบเทียบกับวิธีการตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้น (formalin-ethyl acetate concentration: FECT) และการตรวจวินิจฉัยโดยการใช้ตัวตรวจจับจำเพาะที่สามารถตรวจหาสาร คัดหลั่งของพยาธิในปัสสาวะโดยวิธีอีไลซ่า (urine enzyme-linked immunosorbent assays: urine-ELISA) เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการหาค่าความแม่นยำของเครื่องมือและหาค่าความชุกของเทคนิคต่าง ๆ จากการศึกษาครั้งนี้พบว่า ความไว (sensitivity) ของเครื่องมือในการตรวจวินิจฉัยด้วยวิธีอีไลซ่าสูงสุด (100%, 95%CI: 100) และวิธีการตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้นต่ำสุด (26.67%, 95%CI: 18.13-35.21) เมื่อเทียบกับวิธีการตรวจมาตรฐาน (43.33%, 95%CI: 33.76-52.90)  
     คำสำคัญ พยาธิสตรองจิลอยด์ดิส, วิธีการเพาะเลี้ยงเชื้อ การตรวจอุจจาระด้วยวิธีเข้มข้น, วิธีอีไลซ่า 
ผู้เขียน
615070002-5 น.ส. วันสิริ วีรพงศ์ธงไชย [ผู้เขียนหลัก]
คณะแพทยศาสตร์ ปริญญาโท ภาคปกติ

การประเมินบทความ มีผู้ประเมินอิสระ 
สถานภาพการเผยแพร่ ได้รับการตอบรับให้ตีพิมพ์ 
วารสารมีการเผยแพร่ในระดับ ชาติ 
citation ไม่มี 
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ เป็น 
แนบไฟล์
Citation 0