ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
การประเมินความต้องการจำเป็นการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 20
|
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
10 สิงหาคม 2560 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการระดับชาติ "การศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ประจำปี 2560" |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
สถานที่จัดประชุม |
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
จังหวัด/รัฐ |
กรุงเทพมหานคร |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
21 กรกฎาคม 2560 |
ถึง |
21 กรกฎาคม 2560 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
2560 |
Issue (เล่มที่) |
Proceeding online ฉบับสำบูรณ์เดือนสิงหาคม 2560 |
หน้าที่พิมพ์ |
278-290 |
Editors/edition/publisher |
|
บทคัดย่อ |
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินความต้องการจำเป็นการเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 20 2) ศึกษาแนวทางการดำเนินงานในสถานศึกษาสู่การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 20 ประชากร คือ ผู้บริหารและครู 2,788 คน กลุ่มตัวอย่าง 451 คน แบ่งการดำเนินการวิจัยออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าสถิติ ค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และจัดเรียงอันดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น โดยใช้วิธี Modified Priority Need Index : PNI Modified ระยะที่ 2 เป็นการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพ โดยการสนทนากลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1) ผลการวิจัย ความต้องการจำเป็นของการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา โดยภาพรวมพบว่า มีค่า PNI Modified อยู่ระหว่าง 0.281 ถึง 0.305 ด้านที่มีค่า PNI Modified สูงสุด ลำดับที่ 1 คือ ด้านทีมและเครือข่ายการเรียนรู้ ลำดับที่ 2 คือ ด้านวิสัยทัศน์ร่วม ลำดับที่ 3 คือ ด้านโครงสร้างสนับสนุน ลำดับที่ 4 คือ ด้านการส่งเสริมและการเป็นผู้นำร่วม
2) ผลการศึกษาแนวทางในการดำเนินงานสู่การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในสถานศึกษา ควรมีการดำเนินงานในเรื่องต่อไปนี้ 2.1) ด้านวิสัยทัศน์ร่วม พบว่า ควรจัดประชุมวิเคราะห์ปัญหาด้วยกระบวนการ SWOT Analysis เพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ร่วมกัน 2.2) ด้านการส่งเสริมและการเป็นผู้นำร่วม พบว่า ควรมีการเลือกสรรครูที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อเป็นผู้นำในการสอนงานแก่เพื่อนครูเพื่อให้เกิดชุมชนในการเรียนรู่ร่วมกัน 2.3) ด้านทีมและเครือข่ายการเรียนรู้ พบว่า ควรจัดเวทีให้ครูได้นำเสนอผลงานเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครู และ 2.4) ด้านโครงสร้างสนับสนุน พบว่า ควรส่งเสริมให้ครูได้พัฒนาทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการจัดการกิจกรรมการเรียนรู้แก่ผู้เรียน
|
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
ไม่มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Oral |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|