ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
การศึกษาอิทธิพลของลักษณะทางกายภาพของอาคารต่อพฤติกรรมการไหลของกระแสลมธรรมชาติในอาคาร:กรณีศึกษาอาคารเรียนไท่ปรับอากาศ จังหวัดนครราชสีมา |
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
14 กรกฎาคม 2560 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 4 ประจำปี 2560 |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
สถานที่จัดประชุม |
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
จังหวัด/รัฐ |
ขอนแก่น |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
14 กรกฎาคม 2560 |
ถึง |
14 กรกฎาคม 2560 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
4 |
Issue (เล่มที่) |
1 |
หน้าที่พิมพ์ |
297-310 |
Editors/edition/publisher |
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น |
บทคัดย่อ |
การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางกายภาพของอาคารเรียนที่มีอิทธิพลต่อการระบายอากาศภายในห้องเรียน โดยการจำลองลักษณะของอาคารที่แตกต่างกันแบ่งเป็น 2 ตัวอย่าง ได้แก่อาคารที่ออกแบบตามข้อกำหนดของ มาตรฐานสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน และอาคารตามแบบก่อสร้างของสำนักงาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้โปรแกรมคำนวณพลศาสตร์ของไหล (Computational Fluid Dynamic: CFD) เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการระบายอากาศโดยวิธีธรรมชาติในอาคารเรียน ผลจากการศึกษานี้นำไปสู่แนวทางการออกแนวทางในการออกแบบอาคารเรียน โดยอาศัยการระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติอย่างเหมาะสม รวมทั้งยังใช้การวิเคราะห์โดยโปรแกรมการคาดการณ์โหวตเฉลี่ย (Predicted Mean Vote: PMV) เพื่อประเมินประสิทธิภาพของกระแสลมที่มีผลต่อสภาวะน่าสบาย ผลการศึกษาพบว่าทิศทางการวางตัวอาคารเป็นปัจจัยมีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพในการระบายอากาศภายในอาคารมากที่สุด โดยกรณีอาคารที่วางแนวทำมุมตั้งฉากกับกระแสลม คือสามารถนำกระแสเข้ามาภายในอาคารได้ร้อยละ 49 ของความเร็วลมเฉลี่ยภายนอก ในส่วนของความสูงอาคารนั้น ความเร็วลมเฉลี่ยในแต่ละชั้นของอาคารมีแนวโน้มสูงขึ้นเมื่ออาคารสูงขึ้น ดังนั้น อาคารที่มีความสูงมากกว่าจึงมีประสิทธิภาพในการนำลมธรรมชาติมาใช้ในการระบายอากาศได้ดีกว่าอาคารที่มีความสูงน้อย ซึ่งสัมพันธ์กันกับพื้นที่ปริมาณช่องเปิด โดยเมื่อปริมาณช่องเปิดอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและปริมาณพื้นที่ที่เพียงพอก็จะส่งผลให้มีประสิทธิภาพการระบายอากาศดีขึ้นตามไปด้วย และจากการจำลองด้วยการวิเคราะห์โดยการคาดการณ์โหวตเฉลี่ย พบว่า ในช่วงเปิดภาคเรียนทั้ง ภาคเรียนที่ 1 และ ภาคเรียนที่ 2 นั้น พบว่าในช่วงบ่ายของวัน สามารถนำกระแสลมธรรมชาติมาใช้เพื่อที่จะทำให้เกิดความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าเย็นลงกว่าเดิมได้ประมาณ 2.48 - 2.97 องศาเซลเซียส ซึ่งอยู่ในขอบเขตสภาวะสบายทางด้านอุณหภาพ ส่วนในช่วงเช้าของทั้งสองฤดูกาลนั้น กระแสลมธรรมชาติช่วยทำให้เกิดความรู้สึกเย็นลงได้ |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Oral |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|