ชื่อบทความ |
การออกแบบเครื่องประดับสตรีร่วมสมัยจากแรงบันดาลใจสำริดบ้านเชียงด้วยเทคโนโลยีสามมิติ
|
วัน/เดือน/ปี ที่ได้ตอบรับ |
19 กันยายน 2560 |
วารสาร |
ชื่อวารสาร |
วารสารวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
มาตรฐานของวารสาร |
TCI |
หน่วยงานเจ้าของวารสาร |
สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
ISBN/ISSN |
ISSN 2229-2802 |
ปีที่ |
9 |
ฉบับที่ |
3 |
เดือน |
กรกฏาคม |
ปี พ.ศ. ที่พิมพ์ |
2560 |
หน้า |
147 |
บทคัดย่อ |
หนึ่งในผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการผลิตสำคัญ ที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย คืออุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ แต่ในปัจจุบันการส่งออกเครื่องประดับของไทยมีแนวโน้มลดลง มาจากผลการที่ประเทศคู่แข่งในตลาดหลายประเทศสามารถผลิตเครื่องประดับได้ต้นทุนที่ต่ำกว่า จึงเป็นที่มาของการศึกษาวิจัย การออกแบบเครื่องประดับสตรีร่วมสมัยจากแรงบันดาลใจสำริดบ้านเชียงด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษารูปแบบลวดลายโบราณวัตถุเครื่องประดับสำริดยุคก่อนประวัติศาสตร์อารยธรรมบ้านเชียง อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี 2) เพื่อออกแบบเครื่องประดับสตรี ในรูปแบบร่วมสมัยด้วยเทคโนโลยี 3 มิติ 3) เพื่อประเมินความพึงพอใจ ในชุดเครื่องประดับสตรีร่วมสมัยโดยขั้นตอนการออกแบบใช้เทรนด์การออกแบบเครื่องประดับปี2017 เครื่องประดับที่สื่อความเป็นตัวตนสไตล์ชนเผ่า ในรูปแบบลวดลายจากหมวดหมู่ธรรมชาติของสำริดอารยธรรมบ้านเชียงซึ่งแสดงออกถึงความอุดมสมบูรณ์สร้างตัวเรือนด้วยวัสดุโลหะเงิน
วิธีวิจัยโดยศึกษารูปแบบลวดลายโบราณวัตถุเครื่องประดับสำริด ยุคก่อนประวัติศาสตร์อารยธรรมบ้านเชียงอำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานีจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลสำริด 80 ชิ้นและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านบ้านเชียง แบ่งหมวดหมู่ได้จำนวน 12 ลวดลาย สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มลายธรรมชาติ 7 ลาย ลายพืช,ลายสัตว์,ลายจากสภาพแวดล้อมและกลุ่มลายเรขาคณิต จำนวน 5 ลาย ซึ่งจากการศึกษากระบวนการออกแบบการปั้นโมเดลเครื่องประดับและสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตเครื่องประดับและผู้เชี่ยวชาญการตลาด ในการขึ้นรูปทรงวาดลวดลายที่ถอดอัตลักษณ์สำริดบ้านเชียงลงบนชิ้นงานด้วยโปรแกรม 3 มิติ
ผลสรุปได้ว่าการออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยี 3 มิติทำให้การออกแบบและผลิตสามารถลดขั้นตอนได้ 2กระบวนการ เนื่องจากแบบที่ผลิตจะได้โมเดลต้นแบบเป็นวัสดุเรซิ่นจากนักออกแบบสู่ช่างผลิตโดยตรง ต่างจากเดิมที่ช่างเครื่องประดับต้องแกะแม่พิมพ์แว็กซ์เทียนหล่อต้นแบบจากแบบ 2 มิติเพียงอย่างเดียว ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการผลิตลงได้ ข้อเสนอแนะผู้ประกอบการเครื่องประดับขนาดกลางและขนาดย่อม สามารถนำวิธีการไปประยุกต์ใช้ในการออกแบบและผลิตในแต่ละสถานประกอบการเครื่องประดับเพื่อการแข่งขันทางการค้าเครื่องประดับไทยต่อไป
|
คำสำคัญ |
เครื่องประดับ, ลวดลายสำริดยุคก่อนประวัติศาสตร์, บ้านเชียง, เทคโนโลยีสามมิติ |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ |
มีผู้ประเมินอิสระ |
สถานภาพการเผยแพร่ |
ตีพิมพ์แล้ว |
วารสารมีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
citation |
มี |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|