ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
ผลของการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 |
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
30 มิถุนายน 2564 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการระดับชาติ การศึกษาเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2564 |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
สถานที่จัดประชุม |
zoom (ผ่านระบบออนไลน์) |
จังหวัด/รัฐ |
กรุงเทพมหานคร |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
28 พฤษภาคม 2564 |
ถึง |
28 พฤษภาคม 2564 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
2564 |
Issue (เล่มที่) |
1 |
หน้าที่พิมพ์ |
596-608 |
Editors/edition/publisher |
คณะครุศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา |
บทคัดย่อ |
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ให้มีประสิทธิภาพ 2) เพื่อเปรียบเทียบความคิดสร้างสรรค์ก่อนและหลังการเรียนด้วยการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการเรียนด้วยการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านหัวบึง โรงเรียนเพี้ยฟานโนนสวรรค์ และโรงเรียนบ้านกุดพังทุย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 32 คน ได้มาด้วยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) การเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ 2) แบบวัดการคิดสร้างสรรค์ 3) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้กิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบการวิจัยแบบกึ่งการทดลองที่มีการทดสอบก่อนและหลังเรียน (One-Group Pre-test-Post-test Design) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการทดสอบที
ผลการวิจัยพบว่า 1) การเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์มีค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 86.49/87.71 2) ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนหลังเรียนด้วยการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้โครงงานเป็นฐานที่มีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจใฝ่รู้เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับมากที่ (X ̅= 4.54, S.D. = 0.65)
|
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Oral |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|