ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
การคิดเชิงคำนวณผ่านการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ |
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
4 กุมภาพันธ์ 2566 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการระดับชาติด้านคณิตศาสตรศึกษา ครั้งที่ 9 |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
สมาคมคณิตศาสตรศึกษา |
สถานที่จัดประชุม |
มหาวิทยาลัยราชภัฎศรีสะเกษ |
จังหวัด/รัฐ |
ศรีสะเกษ |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
4 กุมภาพันธ์ 2566 |
ถึง |
5 กุมภาพันธ์ 2566 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
9 |
Issue (เล่มที่) |
1 |
หน้าที่พิมพ์ |
26 |
Editors/edition/publisher |
ไมตรี อินทร์ประสิทธิ์/สมาคมคณิตศาสตรศึกษา |
บทคัดย่อ |
การคิดเชิงคำนวณเป็น “กระบวนการทางความคิด” ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดปัญหาและแสดงวิธีการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ (Wing, 2006, 2019), (ISTE & CSTA, 2011) ซึ่งเป็นการบูรณาการกันของสมองส่วนตรรกะและศิลปะ (บัณฑิต ทิพากร, 2563) กระบวนการนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างทักษะการเขียนโปรแกรม (programming) และทักษะการคิด (thinking skills) (Papert, 1980) ซึ่งเป็นสมรรถนะที่สำคัญ ในเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน (Barr and Stephenson, 2011) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจการคิดเชิงคำนวณผ่านการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ กลุ่มเป้าหมายคือนักศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาคณิตศาสตรศึกษา ชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 11 คน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ประกอบด้วย 5 คำสั่ง มีกระบวนออกแบบเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กรอบสมรรถนะการเขียนโปรแกรม (Competency for Programming) (Isoda & Roberto, 2018) บูรณาการร่วมกับวิธีการแบบเปิด ร่วมกันกับทีมการศึกษาชั้นเรียน ใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการตรวจสอบข้อมูลแบบสามเส้า จากใบกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน แบบบันทึกภาคสนามและแบบบันทึกการสะท้อนผล วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้กรอบการคิดเชิงคำนวณ บัณฑิต ทิพากร (2563)
ผลการวิจัยพบว่า การคิดเชิงคำนวณที่สะท้อนผ่านกิจกรรมการเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์โดยใช้วิธีการแบบเปิด มีลักษณะดังนี้ 1. การแยกปัญหาใหญ่เป็นปัญหาย่อย (decomposition) ผู้เรียนใช้จินตนาการในการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาที่มีความซับซ้อนให้สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายขึ้น โดยมีเงื่อนไขประกอบด้วย องค์ประกอบและความสามารถของหุ่นยนต์ 2. การกำหนดความเป็นนามธรรม (abstraction) ผู้เรียนใช้เงื่อนไขจากข้อที่ 1 มากำหนดขอบเขตและออกแบบสิ่งที่ต้องการสร้างโดยใช้บล็อกและบล็อกคำสั่งอย่างเป็นขั้นตอน 3. การออกแบบกระบวนการ (algorithm design) ผู้เรียนใช้เงื่อนไขจากข้อที่ 1 มากำหนดขอบเขตปัญหา ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการต่อบล็อกและบล็อกคำสั่งหุ่นยนต์ให้เชื่อมโยงกัน อย่างเป็นขั้นตอน ซึ่งปรากฏการทดลอง ค้นหาเพื่อปรับแก้ (debug) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของหุ่นยนต์ 4. การค้นหาแบบรูป (pattern) ผู้เรียนใช้ประสบการณ์จริงของตน ค้นหาการทำงานของหุ่นยนต์ ผ่านการวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหา เพื่อระบุองค์ประกอบและความสามารถของหุ่นยนต์ เพื่อคัดเลือกบล็อกสำหรับการต่อหุ่นยนต์ผ่านการปรับแก้ (debug) บล็อกชิ้นส่วน บล็อกคำสั่งและลำดับของบล็อกคำสั่งจนค้นพบแบบรูป (pattern) ของตำแหน่งการพัฒนาหรือต่อยอดแนวคิดจากเดิม ให้มีความสัมพันธ์กับเป้าหมายและความสามารถของหุ่นยนต์ตามที่ออกแบบไว้
คำสำคัญ การคิดเชิงคำนวณ การเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ วิธีการแบบเปิด
|
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Oral |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|