ชื่อบทความที่เผยแพร่ |
คุณสมบัติการต้านออกซิเดชันของสารสกัดรำข้าวไฮโดรไลเซทจากแหล่งต่างๆ
ด้วยวิธีการสกัดแบบน้ำด่างกึ่งวิกฤตร่วมกับการย่อยด้วยเอนไซม์
|
วัน/เดือน/ปี ที่เผยแพร่ |
8 ธันวาคม 2560 |
การประชุม |
ชื่อการประชุม |
การประชุมวิชาการระดับชาติ |
หน่วยงาน/องค์กรที่จัดประชุม |
อาคารศูนย์เรียนรวม |
สถานที่จัดประชุม |
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน |
จังหวัด/รัฐ |
นครปฐม |
ช่วงวันที่จัดประชุม |
7 ธันวาคม 2560 |
ถึง |
8 ธันวาคม 2560 |
Proceeding Paper |
Volume (ปีที่) |
14 |
Issue (เล่มที่) |
ISBN : 978-616-278-410-1 |
หน้าที่พิมพ์ |
2550-2557 |
Editors/edition/publisher |
|
บทคัดย่อ |
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเปรียบเทียบคุณสมบัติการต้านออกซิเดชันของสารสกัดไฮโดรไลเซทจากรำข้าวจากแหล่งต่างๆ (รำข้าวหอมมะลิ 105 รำข้าวทับทิมชุมแพ และรำข้าวจากโรงงานอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าว) ด้วยวิธีการสกัดด้วยน้ำด่างสภาวะกึ่งวิกฤติร่วมกับการย่อยโดยใช้เอนไซม์ Protease G6 พบว่า สารสกัดไฮโดรไลเซทจากรำข้าวทับทิมชุมแพมีปริมาณสารฟีนอลิกทั้งหมด (87.14 มิลลิกรัมแกลลิก/กรัม) และค่ากิจกรรมการต้านออกซิเดชันด้วยวิธี FRAP (50.12 มิลลิกรัมโทรลอกซ์/กรัม) สูงที่สุด อย่างไรก็ตามสารสกัดไฮโดรไลเซทของรำข้าวจากโรงงานอุตสาหกรรมมีปริมาณโปรตีน (21.5%) และคุณสมบัติการต้านออกซิเดชันด้วยวิธี ABTS (232.4 มิลลิกรัมโทรลอกซ์/กรัม) สูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบว่า ปริมาณสารฟีนอลิกทั้งหมดมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับกิจกรรมการต้านออกซิเดชันด้วยวิธี FRAP assay (R² = 0.661) (P<0.05) ดังนั้น สารสกัดไฮโดรไลเซทจากรำข้าวสายพันธุ์ต่างกันและผ่านกระบวนการสกัดน้ำมันที่ต่างกันมีองค์ประกอบและคุณสมบัติการต้านออกซิเดชันที่แตกต่างกัน ซึ่งมีศักยภาพเป็นสารกันหืนธรรมชาติและ/หรือใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพได้ |
ผู้เขียน |
|
การประเมินบทความ (Peer Review) |
มีผู้ประเมินอิสระ |
มีการเผยแพร่ในระดับ |
ชาติ |
รูปแบบ Proceeding |
Full paper |
รูปแบบการนำเสนอ |
Poster |
เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ |
เป็น |
ผลงานที่นำเสนอได้รับรางวัล |
ไม่ได้รับรางวัล |
แนบไฟล์ |
|
Citation |
0
|
|